‘ท่านอ่อง จักรีวัชร’ ประกาศชัด ปมเชิญกลับประเทศไทย ย้ำยังเคารพในคำสั่งแรก
เรียกได้ว่า หลังจากเกิดกระแสข่าวอย่างต่อเนื่องกับการกลับมาของคุณอ้น หรืออดีตท่านชายอ้น วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ ทายาทคนที่ 2 ของในหลวงร.10 กับอดีตหม่อมสุจาริณี วิวัชรวงศ์ ซึ่งเป็นการกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดครั้งแรกในรอบ 27 ปี ตามที่คุณอ้นได้ให้สัมภาษณ์
กับสื่อว่าเหมือนฝันที่เป็นจริงและดีใจที่ได้กลับมาบ้านอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทั้งสื่อท้องถิ่นและประชาชนโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ได้ให้ความสนใจความเป็นไปของคุณอ้น รวมทั้งมารดา และพี่น้องอีกสามคน ซึ่งปัจจุบันยังพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา ว่าจะมีความเป็นไป
ได้มากน้อยแค่ไหนที่จะได้กลับมาพร้อมหน้าอีกครั้งหลังจากออกจากประเทศไทยเมื่อพระราชบิดาและมารดาได้แยกทางกัน ด้านคุณอ่อง หรืออดีตท่านอ่อง จักรีวัชร ในฐานพระราชโอรสคนที่ 3 และเป็นน้องชายของคุณอ้น ได้โพสต์ลงสตอรี่ในเฟสบุ๊คส่วนตัวเพื่อแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า “ยังไม่มีการเชิญอย่างเป็นทางการ พวกเรายังเคารพในคำสั่งตอนแรก” โดยมีผู้ติดตามมากมายให้กำลังใจในโพสต์ด้วย จึงเป็นที่ทราบแน่ชัดแล้วว่า
ตั้งแต่พระราชบิดาและอดีตหม่อมมารดาแยกทางกันอย่างไม่สวยงามอันเป็นตำนานกล่าวขวัญกันจนถึงปัจจุบัน ทั้งคุณสุจาริณี และโอรสทั้งสี่ ไม่เคยได้ กลับมาประเทศไทยเลยตั้งแต่ปี 2539 ขัดแย้งกับคำกล่าวจากกลุ่มบุคคลหลายฝ่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยได้อ้างว่า
ทั้งสี่ได้กลับมาแผ่นดินเกิดหลายครั้งเพียงแต่ไม่เคยเป็นข่าว พระโอรสทั้งสี่ซึ่งขณะนั้นยังดำรงพระยศที่หม่อมเจ้า ได้ย้ายตามหม่อมมารดาไปพำนักที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับหม่อมเจ้าบุศย์น้ำเพชร พระธิดา ซึ่งต่อมาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็น การส่วนพระองค์ไปทรงเจรจาเรื่องทางออกของความขัดแย้งภายในครอบครัว ซึ่งจบลงที่ทรงนำหม่อมเจ้าบุศย์น้ำเพชร (ซึ่งต่อมาคือสมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ)
กลับมาประทับที่ประเทศไทย จากนั้นได้มีพระราชบัณฑูรผ่านทางเอกอัครราชทูต ให้ใช้นามสกุลวิวัชรวงศ์ อันเป็นนามสกุลพระราชทานใหม่ อันมีผลตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2540 เป็นการถอดฐานันดรศักดิ์หม่อมเจ้าออกทางพฤตินัย ถึงแม้ว่าไม่เคยมีประกาศใดๆลงในราชกิจจานุเบกษา คุณอ่อง ปัจจุบันวัย 40 ปี ประกอบอาชีพแพทย์และบริหารศูนย์
ข่าวสารทางการแพทย์จักรีวัชรในนครนิวยอร์ก ซึ่งได้ให้คำปรึกษาเรื่องการรักษาโรคต่างๆทางออนไลน์เป็นประจำ ซึ่งมีชาวไทยที่ติดตามสื่อโซเชียลมีเดียของอดีตท่านชายหมอ ได้มีโอกาสพูดคุยและปรึกษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆอย่างเป็นกันเอง แม้จะเดินคนละเส้นทางกับพี่ชายที่หันมาเดินสายสังคมพบปะประชาชนและร่วมงานต่างๆที่เกี่ยว เนื่องกับประเทศไทยและราชสำนัก แต่ยังคงมีบทบาทในโลกโซเชียลไม่น้อย แต่อยู่ในขอบเขตวิชาชีพของตนเท่านั้น
